วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผลสำรวจชี้ คนไทยยังไม่ยอมเปลี่ยนใจจาก Windows XP

เชื่อว่าส่วนใหญ่แฟนๆเว็บไซต์เราคงทราบกันแล้วเรื่องที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows XP หลังวันที่ 8 เมษายนนี้  แม้วันที่ 8 เมษาจะใกล้เข้ามาในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว แต่จากผลสำรวจของ Pantip พบว่ากว่าครึ่งของผู้ใช้ Windows XP ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนระบบปฏิบัติการใหม่แต่อย่างใด
windows-xp
ผลสำรวจดังกล่าวอ้างอิงจากแบบสำรวจของ Pantip.com และ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จำนวน 100 คน  ซึ่งผลคือ 50.3% ของผู้ใช้ Windows XP ยังไม่คิดจะเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการอื่นเพราะเห็นว่า Windows XP ยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่
ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้นคือ  กว่า 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามนั้นยังไม่ทราบถึงผลกระทบที่จะตามมาหลังจาก Microsoftหยุดอัพเดท Windows XP เสียด้วยซ้ำ  ซึ่งความไม่รู้และไม่ได้เตรียมการรับมือใดๆนี้อาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์ต่างๆได้
สำหรับใครที่ยังมีความจำเป็นจะต้องใช้ Windows XP ต่อไป  สามารถเข้าไปอ่าน “5 ทิป-เทคนิค ใช้ Windows XP หลัง 8 เมษายน อย่างไร ? ให้ปลอดภัย” ได้ค่ะ

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

เปลี่ยน Floppy Drive เก่าให้กลายเป็นเครื่องดนตรี!

สมิตเชื่อว่าคงมีหลายคนที่ยังเก็บเศษซาก Floppy Drive ไว้ที่บ้านกันใช่ไหมคะ  แม้ตอนนี้ Floppy Drive จะดูกลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว  แต่เชื่อหรือไม่  เรายังสามารถนำ Floppy Drive มาทำเป็นเครื่องดนตรีได้อยู่นะเอ้อ!
floppy-disk
[หน้าตาของฟลอปปี้ดิสก์  อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลที่ใช้กันสมัยก่อนค่ะ]
สำหรับน้องๆหนูๆรุ่นใหม่ๆที่ยังไม่พ้นวัยมหาลัยอาจจะไม่เคยเห็น Floppy Drives มาก่อน  ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง  Floppy Drive ก็คือไดรฟ์สำหรับอ่านและเขียนข้อมูลลงบนแผ่นฟลอปปี้ดิสก์นั่นเอง  แต่สมัยนี้ไม่มีใครใช้กันแล้วเพราะฟลอปปี้ดิสก์มีความจุที่น้อยมาก (ความจุสูงสุดคือ 2.88 MB … MB นะจ๊ะ ไม่ใช่ GB ใส่ไฟล์ mp3 เพลงเดียวยังไม่พอเลย)
กาลเวลาผ่านไป  Floppy Drive ก็กลายเป็นของไม่มีประโยชน์อีกต่อไป  แต่ช่วงสองสามปีที่่ผ่านมาได้มี Geek หัวใส ดัดแปลงเจ้า Floppy Drive นี้ให้กลายเป็นเครื่องดนตรีแทน .. ฮั่นแน่! งงล่ะสิว่าทำได้ยังไง
เสียงดนตรีที่ว่านี้เกิดจากเสียงอ่านของ Floppy Drive หลายๆตัวซึ่งเกิดจากการหมุนของมอเตอร์ , จานหมุนถาดและหัวอ่านแผ่น ที่ขยับรัวๆเป็นจังหวะจนกลายเป็นเพลงได้ค่ะ  ซึ่งการควบคุม Floppy Drive หลายๆตัวให้เป็นเพลงนั้นก็ต้องมีโปรแกรมพิเศษที่เขียนขึ้นมาเพื่อสั่งการ Floppy Drive ให้ขยับเป็นเพลงได้นั่นเอง
พูดแล้วอาจจะยังไม่เห็นภาพ  ตามเข้าไปฟังในคลิปกันเลยดีกว่าค่ะ  เพลงที่เอามาฝากกันวันนี้คือเพลงประกอบเกม Final Fantasy VII  ที่เลือกเพลงนี้มาให้ฟังกันเพราะสมิตลองฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงนี้เหมือนต้นฉบับดีค่ะ




ที่มา:http://www.arip.co.th/tech-trend-2014/


วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

คลิป : นวัตกรรมสุดไฮเทคจาก Audi กับรถยนต์ขับเองได้

ในงานมหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกประจำปี 2014 หรือ CeBit ที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน Audi บริษัทยานยนต์ชั้นนำได้เปิดตัวต้นแบบเทคโนโลยีที่สามารถช่วยขับรถยนต์แทนมนุษย์ได้
audi-james-2025
นวัตกรรมยานยนต์ในอนาคตจาก Audi ถูกตั้งชื่อว่า “James 2025″ ซึ่งมีจุดเด่นในการขับขี่ได้เองโดยอัตโนมัติเสมือนระบบ auto-pilot ประจำเครื่องบิน นอกจากนี้ในตัวรถยังมีระบบ Motion Sensor ที่ผู้ขับขี่สามารถใช้นิ้วสั่งการหรือควบคุมฟังก์ชันต่างๆภายในโลกในแบบไม่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์ได้อีกด้วย ซึ่ง Audi วางแผนให้นวัตกรรมดังกล่าวนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ขับจริงในปี 2025




วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

8 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2014

ในปี 2013 ที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นมากมาย และในปี 2014 ที่กำลังจะมาถึงยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์รุ่นต่อยอดจากรุ่นเก่ารอคอยที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที ซึ่งเราไปดูกันซิว่า 10 เทรนด์เทคโนโลยีของปี 2014 จะมี “ของเล่นใหม่” ใดที่น่าสนใจบ้าง 
1. Google Glass และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สวมใส่
Wearable-Computing
Google ให้คำมั่นว่า Google Glass จะเปิดวางขายจริงให้กับประชาชนทั่วไปในสหรัฐอเมริกาในปี 2014 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าแว่นตาอัจฉริยะนี้จะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด และเมื่อ Google กล้าคิดกล้าทำ บริษัทไอทีชั้นนำรายอื่นๆก็ไม่น้อยหน้าก็เตรียมเดินหน้าพัฒนาแก็ดเจ็ตสวมใส่กันอย่างคึกคักเช่นกัน ทั้ง SamsungLG และ Apple

2. iPhone และ iPad จะใหญ่ขึ้น
iphone-and-ipad-bigger
จากพฤติกรรมของผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ตอบรับกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วขึ้นไป หรือที่เรานิยามกันว่า Phablet (แฟ็บเล็ต) ส่งผลให้มีเสียงเรียกร้องให้ Apple หันมาสนใจการทำ iPhone ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นบ้าง ซึ่งก่อนจะสิ้นปี 2013 ก็เริ่มมีข่าวเล็ดลอดว่าiPhone 6 จะมีหน้าจอใหญ่ขึ้น แต่จะเป็นขนาดใดรระหว่าง 4.4 – 5.7 นิ้ว ตอนนี้ยังไม่มีใครตอบได้
ขณะเดียวกัน iPad ก็จะพัฒนาให้ใหญ่ขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่คงขนาด 9.7 นิ้วก็จะถูกอัพไซส์ไปเป็นขนาด 12 นิ้ว เพื่อให้แท็บเล็ตสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ใกล้เคียงกับโน๊ตบุค และจะมีน้ำหนักเบากว่ามาก

3. Smartwatch
smartwatch-2014-trend
ในปี 2013 เราได้เห็นความพยายามจากหลายค่ายไอทีชั้นนำที่จะผลักดันให้ Smartwatch สามารถตอบโจทย์ผูู้ใช้ทั่วไปแทนที่การใช้สมาร์ทโฟน แต่เนื่องจากแอพพลิเคชั่นจำนวนมากยังไม่รองรับการใช้งานควบคู่กับ Smartwatch และฟีเจอร์โดยทั่วไปยังวนเวียนอยู่เพียงการแจ้งเตือน ฉะนั้นในปี 2014 จึงเป็นโอกาสที่หลายค่ายที่เปิดตัว Smartwatch ไปแล้วอย่างSamsungSony และ Pebble จะได้ต่อยอดอุปกรณ์สวมใส่ ขณะเดียวกันเราก็จะได้เห็น Smartwatch จาก Google และApple เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที

4. Windows 8.2 กับการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบของปุ่ม Start
windows-8.2
หลังจาก Windows 8 โดนโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะการขาดหายไปของปุ่ม Start ทำให้ไมโครซอฟท์เร่งพัฒนาโอเอส Windows 8.1พร้อมนำปุ่ม Start กลับมาประจำการเช่นเดิม แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่สามารถเรียกใช้งานเมนูต่างๆได้เหมือนก่อน อย่างไรก็ดีคาดว่าในปี 2014 จะโอเอสใหม่อย่าง Windows 8.2 เกิดขึ้น พร้อมพัฒนา Modern UI ให้การใช้งานง่าย สะดวกสบายต่อผู้ใช้

5. Chrome OS จะมีลักษณะคล้าย Windows มากขึ้น
chome-os-2014
ในปี 2014 คอมพิวเตอร์ Chromebook และระบบปฏิบัติการ Chrome OS จะเข้ามามีบทบาทในตลาดโน๊ตบุคมากขึ้น เนื่องจาก Google ตั้งเป้าพัฒนาแอพพลิเคชันแบบออพไลน์สำหรับ Chrome OS มากขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพบน Chromebook ตลอดจนแท็บเล็ตแบบไฮบริดรุ่นใหม่

6. Oculus Rift VR Headset อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การเล่นเกมแบบใหม่
Oculus-Rift-VR-Headset
Oculus Rift VR Headset เปิดตัวไปเมื่องาน CES 2013 อุปกรณ์สวมใส่คล้ายแว่นตาขนาดใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มมุมมองได้มากถึง 110 องศา สามารถเปลี่ยนมุมมองได้เองตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน พร้อมแสดงภาพในรูปแบบ 3 มิติด้วย ซึ่งในปี 2014 เป็นโอกาสาอันดีที่จะเกิดเกมใหม่ๆ หรือการพัฒนาเกมเก่าต่างๆ ให้รองรับกับการใช้งาน Oculus Rift VR Headset ได้

7. Ultrabook ที่มากับกล้องเว็บแคมแบบ 3 มิติ
ultrabook-3d-web-cam
ช่วงปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนากล้อง Senz3D ขึ้น เพื่อการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ แต่การจะใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคผู้ใช้จะต้องติดตั้งกล้องขนาดใหญ่ด้านบนหน้าจอของพวกเขา อย่างไรก็ตามในปี 2014 จะเป็นครั้งแรกของ Ultrabook และแท็บเล็ตจะมีการติดตั้งกล้องแบบ 3 มิติมาให้ในตัวด้วยเลย
8. สมาร์ทโฟนหน้าจอความละเอียดสูง และหน้าจอโค้งงอมากขึ้น
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนมีการพัฒนาด้านความละเอียดหน้าจอให้เพิ่มสูงขึ้นเสมอๆ ซึ่งในปี 2014 ก็เช่นกัน เราจะเห็นว่าทั้ง Samsung Galaxy S5, LG G3 หรือ iPhone 6 ต่างมีข่าวเรื่องการเพิ่มความละเอียดเดิมไปอยู่ในระดับ 2K (2560 x 1440 พิกเซล) ก่อนพัฒนาไปสู่ระดับ 4K ในปี 2015 ขณะเดียวกันสมาร์ทโฟนแบบหน้าจอโค้งงอจะถูกเปิดตัวมากขึ้น โดยมีผู้นำเทรนด์อย่าง Samsung และ LG
smartphones-curves

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

10 เทรนด์ร้อนๆ ของผู้บริโภคกับสมาร์ทโฟนประจำปี 2014 (ตอนจบ)

หลังจากแนะนำผลการสำรวจ เทรนด์ของผู้บริโภคกับสมาร์ทโฟนประจำปี 2014 โดย Ericsson ในเบื้องต้นไปเมื่อวานนี้ วันนี้เรามาติดตามกันต่อกับอีก 5 เทรนด์ร้อนๆ ครับ
6. ประโยชน์ของการออนไลน์มาพร้อมกับความกังวล
6-2
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แม้จะมีประโยชน์แต่ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่ในบางครั้งพาให้ผู้ใช้พบกับอันตรายแบบที่เราไม่รู้ตัว ในการสำรวจของ Ericsson พบว่า 56% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันในสหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก, สวีเดน, อียิปต์, ปากีสถาน และไทย มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และมีเพียง 4% เท่านั้นทที่กล่าวว่าพวกเขาเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตน้อย
ขณะเดียวกันในผลการสำรวจเรื่องการระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงพบว่า 93% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยอมมีส่วนร่วมกับกลยุทธ์ที่สามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาได้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ยินดีที่จะใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับแบ่งปันภาพถ่าย, ดาวน์โหลดไฟล์ และการเข้าถึงคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆต่อไป

7. อิทธิพลของ “คลิปวีดีโอ”
7-2
ในปัจจุบันทางเลือกของการรับชมสื่อมากขึ้น แต่สิ่งที่น่าสนใจของผลสำรวจพบว่าวีดีโอที่ถูกแชร์โดยเพื่อนๆ มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการสื่อสาร ซึ่ง 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาดูคลิปวีดีโอที่แชร์จากเพื่อนๆของพวกเขาในจำนวนหลายครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวทำให้ทราบว่าการบริโภคเนื้อหาที่เกิดจากการแนะนำโดยเพื่อนหรือคนรู้จักมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อผู้รับชม ทั้งการแสดงความคิดเห็น หรือการประพฤติปฎิบัติตามคำแนะนำจากคลิปวีดีโอ
ขณะที่ 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเป็นผู้แนะนำคลิปวีดีโอไปยังเพื่อนๆในจำนวนหลายครั้งต่อสัปดาห์

8. การแสดงข้อมูลที่ชัดเจน
8
การควบคุมด้านการใช้ข้อมูล เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการที่จะเข้าใจจำนวนค่าใช้จ่ายการเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งผลการสำรวจของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า 48% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนใช้แอพพลิเคชันในการรวัดการใช้ข้อมูลหรืออินเทอร์เน็ตของพวกเขา
ขณะที่ 38% ใช้แอพพลิเคชันเพื่อการทดสอบความเร็วเมื่อใช้อินเทอร์เน็ต อีก 28% ใช้แอพเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำนวนค่าใช้จ่ายของการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ความต้องการด้านความเร็วอินเทอร์เน็ตยังเป็นปัจจัยที่ผู้ใช้ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่ง 37% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้แอพพลิเคชันเพื่อทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต

9. เซนเซอร์จะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
9-2
จากการสำรวจพบว่า 60% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเชื่อว่าเซนเซอร์จะกลายเป็นเรื่องปกติในช่วงปลายปี 2016 ซึ่งคุณสมบัติของเซนเซอร์จะถูกพัฒนาขึ้นสำหรับการดูแลสุุขภาพและการขนส่งสาธารณะ หรือแม้กระทั่งใช้เซนเซอร์ภายในบ้านหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ 66% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนคาดว่าการเปิด-ปิดประตูในที่ทำงานหรือที่บ้านจะเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยการใช้เซนเซอร์บนสมาร์ทโฟนภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ 56% ของผู้บริโภคยังเชื่อว่ารถยนต์จะมีการใช้เซนเซอร์ด้านการขับขี่มากขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุภายในปี 2016
ทั้งนี้ 28% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเป็นกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องใช้เซนเซอร์ตามร้านค้าที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการแนะนำสินค้า

10. เทคนิคการสตรีมมิ่งจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
10-2
ความนิยมของเทคโนโลยีสตรีมมิ่งจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นไป เนื่องจากการสตรีมมิ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถรับชมไฟล์มัลติมีเดียผ่านอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตจนครบไฟล์ เพราะเทคนิคสตรีมมิ่งจะสามารถแสดงผลข้อมูลได้ก่อนที่ไฟล์ทั้งหมดจะถูกส่งผ่านเข้ามายังอุปกรณ์นั่นเอง ส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่อาจเริ่มต้นชมวีดีโอจากที่บ้านก่อนกดหยุด และกลับมาชมต่อในระหว่างเดินทางและในที่ทำงานได้

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

10 เทรนด์ร้อนๆ ของผู้บริโภคกับสมาร์ทโฟนประจำปี 2014 (ตอนที่ 1)

Ericsson ได้ทำการวิจัยและสำรวจแนวโน้มของผู้บริโภคกับสมาร์ทโฟนประจำปี 2014 ซึ่งได้มีการสรุปและแบ่งเป็น 10 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

1. แอพพลิเคชั่นเปลี่ยนสังคม
1
จากโทรศัพท์มือถือธรรมดาสู่ความเป็นสมาร์ทโฟนทำให้ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงด้านการสื่อสาร ซึ่งล้วนมีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง และในความหลากหลายของสมาร์ทโฟนทำให้ผู้คนกำลังมองหาแอพพลิเคชั่นที่สามารถปรับปรุงชีวิตประจำวันของพวกเขาได้ ซึ่งผู้บริโภคเชื่อว่าบริการที่มาพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพวกเขาได้ ทั้งในกิจกรรมช้อปปิ้ง, การทานอาหารตามร้านอาหาร ไปจนถึงกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ

2. ใช้ร่างกายเป็นตัวช่วยในการสร้างรหัสผ่านรูปแบบใหม่
2.1
การใช้บริการผ่านระบบคลาวด์ที่มากขึ้น และการเติบโตของอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคมีการเข้าถึงคอนเทนต์และข้อมูลอยู่ตลอดเวลา แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งที่สร้างความยุ่งยากในการเข้าสู่ระบบคือการใส่รหัสผ่านที่บางครั้งต้องมีตัวเลขและตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ปะปนกันอยู่ ทำให้ผู้บริโภคบางรายจำรหัสผ่านไม่ได้
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคให้ความสนใจการใส่รหัสผ่านแบบไบโอเมตริกส์ ยกตัวอย่าง 52% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ต้องการใช้ลายนิ้วมือของพวกเขาแทนที่การใส่รหัสผ่าน และกว่า 50% ต้องการใช้ลายนิ้วมือเพื่อชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเคดิต ขณะที่ 61% ต้องใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟน และ 48% ให้ความสนใจการสแกนม่านตา นอกจากนี้ 74% ของผู้บริโภคต้องการให้สมาร์ทโฟนมีส่วนผสมของเทคโนโลยีไบโอเมตริกส์

3. ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเสมือนเครื่องมือวัดสุขภาพ
3
ในการสำรวจพบว่า 40% ของผู้บริโภคต้องการใช้สมาร์ทโฟนในการเข้าสู่โหมดการออกกำลังกาย 59% ต้องการริชแบนด์เพื่อวัดค่าสุขภาพ และ 56% ต้องการใช้แหวนเพื่อการตรวจสอบความดันโลหิตโดยข้อมูลต่างๆที่แสดงผลออกมาผู้บริโภคถึง 67% ต้องเก็บข้อมูลไว้เป็นส่วนตัว

4. ความคาดหวังในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ในทุกที่
4.1
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในสถานที่ที่แตกต่างกันเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตามผู้ใช้สมาร์ทโฟนตระหนักดีว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายที่ตนใช้ไม่สามารถคาดหวังความแน่นอนได้ ซึ่งการสำรวจการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 39% ของผู้บริโภคในประเทศเกิดใหม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และ 29% ของผู้บริโภคในประเทศอุตสาหกรรมมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากสถานที่เดียวกัน

5. การลดชันชั้นของสมาร์ทโฟน
5.1
ในขณะที่อินเทอร์เน็ตยังไม่สามารถเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่ของโลก และความไม่เท่าเทียมระหว่างผู้บริโภคก่อให้เกิดความแตกต่างทางด้านทัศนคติโดยรวมต่อเทคโนโลยี แต่การถือกำเนิดของสมาร์ทโฟนราคาถูกมีส่วนช่วยในการลดปัญหาและอุปสรรคทางด้านความแตกต่างระหว่างผู้บริโภค ที่ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพียงเพราะต้องการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ต แถมสมาร์ทโฟนยังสามารถพกพาหรือเก็บไว้กับตัวได้ง่ายกว่าแล็ปท็อปซึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้ในทางหนึ่งด้วย
ในการสำรวจพบว่าแล็ปท็อปยังเป็นอุปกรณ์หลักในการเข้าถึงบริการออนไลน์ในประเทศที่พัฒนาแล้วแต่ 51% ของผู้บริโภคทั่วโลกยกให้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา
โปรดติดตามตอนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

Google เพิ่มความสามารถปุ่ม Apps เรียงบริการที่ใช้ประจำได้ตามต้องการ

ในเว็บไซต์ Google มีการเพิ่มอีกหนึ่งความสามารถของปุ่ม Apps หรือปุ่มที่รวมบริการต่างๆเอาไว้มากมาย ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดเรียงบริการต่างๆที่ใช้ประจำได้ตามต้องการแล้ว



     ผู้ใช้เว็บไซต์ Google หลายรายอาจเคยรู้สึกถึงความไม่สะดวกสบายในการเข้าถึงบริการต่างๆ จากปุ่ม Apps ยิ่งโดยเฉพาะบริการต่างๆที่ใช้เป็นประจำอาจต้องเสียเวลาในการค้นหา แต่ในความสามารถใหม่ที่ Google เพิ่มให้กับปุ่ม Apps คือผู้ใช้สามารถจัดเรียงบริการต่างๆได้ตามต้องการ เพียงแค่คลิกที่บริการนั้นๆจากนั้นใช้การลากและนำไปวางในตำแหน่งที่ท่านคิดว่าจะสะดวกต่อการใช้งานมากที่สุด
     แม้จะเป็นความสามารถเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่ก็นับเป็นสิ่งที่ช่วยลดเวลาในการเข้าถึงบริการต่างๆของ Google ซึ่งความสามารถดังกล่าวจะเริ่มส่งถึงผู้ใช้ทั่วโลกในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ครับ


วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

5 ทิป-เทคนิค ใช้ Windows XP หลัง 8 เมษายน อย่างไร ? ให้ปลอดภัย

8 เมษายน 2557 จะเป็นวันที่ไมโครซอฟท์จะเริ่มหยุดสนับสนุน Windows XP อย่างเป็นทางการ นั่นแปลว่าจะไม่มีการปล่อยชุดซอฟต์แวร์ใหม่ๆเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับระบบอีกต่อไป





แม้จะมีประกาศอย่างเจนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP ต่อไปหลัง 8 เมษายนแต่กลับพบว่าเกือบ 30% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังใช้ Windows XP อยู่เช่นเดิม และจากสิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้ต้องตกอยู่สภาวะ “Zero day forever” อันเนื่องมาจากช่องโหว่ของระบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป
แต่ถึง Windows XP จะไม่ได้รับอัพเดทใดๆจากไมโครซอฟท์แล้วก็ตาม ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ยังยึดมั่นถือมั่นใน Window XP สามารถใช้งานได้ต่อไป แม้จะไม่สามารถการันตีความปลอดภัยได้ 100% ก็ตาม

1. เลือกใช้ซอฟต์แวร์อย่างชาญฉลาด
- Internet Explorer 8 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดสำหรับ Windows XP และจะไม่ได้ไปต่อ นั่นทำให้ผู้ใช้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงไปใช้เบราวเซอร์อย่าง Google Chrome ที่จะยังสนับสนุนการใช้งานบน Windows XP ไปจนถึงเดือนเมษายนปี 2558 หรือหันไปใช้ Mozilla Firefox ที่ไม่มีประกาศหยุดสนับสนุน Windows XP
- ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอย่าง Microsoft Security Essentials จะสนับสนุน Windows XP จนถึง 14 กรกฎาคม 2558 แต่จะพอหรือ ? กับไวรัสที่มีการพัฒนาความสามารถอยู่เรื่อยๆ อย่างไรยังมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอีกหลายแบรนด์ที่ยังคงให้สนับสนุน Windows XP (ชมรายชื่อแอนตี้ไวรัสที่ยังใช้ได้กับ Windows XP ที่นี่ครับ)
- Outlook Express จะหมดอายุตาม Windows XP ไปด้วย ทางแก้ปัญหาคือการหันไปใช้ Outlook ในเวอร์ชันที่ใหม่กว่า หรือเปลี่ยนไปใช้ Mozilla Thunderbird รวมไปถึงการหันไปใช้เว็บเมล์ใน Chrome หรือ Firefox
- Office 2003 จะไม่ได้ไปต่อเช่นกัน ทางแก้ปัญหาคือลงเวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า

2. ลบซอฟต์แวร์ที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อการใช้งาน
- การทำงานของปลั๊กอิน Java ถือเป็นโปรแกรมที่มีความเสี่ยงต่อการใช้งานร่วมกับ Windows XP เป็นอย่างมากเพราะฉะนั้นแล้วควรลบออกหรือปิดการทำงานของปลั๊กอิน Java
- Adobe Flash และ Adobe Reader ยังเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นเป้าหมายของการโจมตี ซึ่ง Windows XP จะไม่ได้รับการปรับปรุงแบบอัตโนมัติอีกต่อไป ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่คาดไม่ถึง ผู้ใช้ควรถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์เหล่านี้

3. ใช้งานแบบออฟไลน์
สมมติว่าคุณยังคงต้องใช้ Windows XP เพื่อเรียกใช้งานโปรแกรมทางธุรกิจที่สำคัญ หรือเชื่อมต่อกับฮาร์ดแวร์บางชนิดคุณควรตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับ Windows XP แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็นับว่าการใช้งานในแบบออฟไลน์เป็นสิ่งที่สร้างความปลอดภัยให้กับการใช้ Windows XP มากที่สุด

4. จำกัดสิทธิการใช้งาน
อีกหนึ่งเคล็ดลับของการใช้ Windows XP คือการกำหนดสิทธิการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาสำหรับบางครัวเรือนที่มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวหลายคน การจำกัดสิทธิด้านการดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้ Windows XP ให้ปลอดภัย

5. เปลี่ยนใหม่
วิธีสุดท้ายของการใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยคือการย้ายจาก Windows XP สู่ Winodws 7, Windows 8 หรือ Windows 8.1 แม้จะต้องลงทุนในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใหม่ขึ้น แต่เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยทั้งการรับซอฟต์แวร์อัพเดตต่างๆ ตลอดจนการใช้งานที่ยาวนานและราบรื่น การเปลี่ยนใหม่จึงเป็นหนทางที่หลายคนควรใส่ใจอย่างยิ่งครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

Smartphone อวัยวะชิ้นที่ 33 หรือ สิ่งเสพติด?

Post by suwannee
ที่มา: รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ ; กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 9 ก.ค. 2556
(www.onlinethailand.net)


หรือ บางครั้งเราอาจจะมองว่าเป็นสิ่งเสพติดของคนยุคใหม่ก็ได้ครับ ดังนั้น สัปดาห์นี้เรามาดูปรากฏการณ์นี้ที่กำลังลามไปทั่วโลกนะครับ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการของเราในการที่จะเชื่อมต่อหรือ connect กับโลก กับสังคม หรือ กับผู้อื่นตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวยิ่งชัดเจนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เราเรียกกันว่าเป็นพวก Gen Y ในปี 2012 บริษัท CISCO ได้จัดทำวิจัยขึ้นมาชิ้นหนึ่ง โดยการสอบถามคนรุ่นใหม่ช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 30 กว่า 1,800 คนจาก 18 ประเทศทั่วโลก และพบกว่าโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งของคนรุ่นใหม่จริงๆ

เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนเลยครับ คนรุ่นใหม่เหล่านี้จะมีความอยากที่จะเชื่อมต่อกับผู้อื่นกันตั้งแต่ตื่นนอนเลย ร้อยละ 90 จากผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก ระบุเลยครับว่ากิจวัตรประจำวันตอนเช้าในปัจจุบันนอกเหนือจากแปรงฟัน แต่งตัวแล้ว ก็ต้องเช็คมือถือก่อนที่จะออกไปทำงานหรือเรียนหนังสือ นอกจากนี้ 3 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่ระบุอีกด้วยว่ามีการใช้ Smartphone บนเตียงนอน อีกทั้งกว่าหนึ่งในสามที่จะนำมือถือตนเองเข้าไปทำธุระในห้องน้ำด้วย

จะเห็นได้เลยนะครับว่าเจ้า Smartphone ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในชีวิตคนรุ่นใหม่ แม้กระทั่งช่วงเวลาส่วนตัวสุดไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า บนเตียง หรือ ในห้องน้ำ ซึ่งเมื่อมองไปรอบๆ ตัวเราก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นะครับ ลูกๆ วัยรุ่นของผมนั้นเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ควานหาหรือเรียกหาคือโทรศัพท์มือถือ หรือ คนที่รู้จักหลายคนก็เล่าให้ฟังว่ามือถือกลายเป็นอุปกรณ์บนที่นอนอีกชิ้นนอกเหนือจากหมอนและผ้าห่ม ที่ร้ายกว่านั้นคือบางคนถึงขั้นเป็นริดสีดวงเพราะนำมือถือเข้าห้องน้ำไปด้วยครับ

นอกเหนือจากใช้เจ้า Smartphone ในช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวแล้ว ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่นั้นจะต้องคอยเช็คหรือเหลือบมองมือถือตัวเองตลอดเวลา ร้อยละ 29 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ต้องคอยเช็คมือถือตัวเองตลอดเวลาจนไม่สามารถนับจำนวนครั้งได้ ในขณะเดียวกันหนึ่งในห้าระบุว่าใช้มือถือเช็คเรื่องราวต่างๆ ทุก 10 นาที และอีกหนึ่งในสามของคนทั่วโลกเช็คมือถือทุก 30 นาที นอกจากนี้ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกครับนั้นคือผู้หญิงจะเช็คมือถือบ่อยกว่าผู้ชาย (ร้อยละ 85 เทียบกับร้อยละ 63) อีกตัวเลขหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่ามือถือได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 หรือ อวัยวะหนึ่งของร่างกายคือ ร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสอบถามจะมีความกระวนกระวาย เหมือนกับร่างกายขาดอะไรไปบางอย่าง ถ้าไม่สามารถเช็คมือถืออย่างต่อเนื่อง

จากตัวเลขที่เขาวิจัยมาทั่วโลก เมื่อหันกลับมาดูพฤติกรรมของคนไทยรอบๆ ตัวก็เห็นจะจริงครับ ในรถไฟฟ้านั้นถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าเกือบครึ่งที่ยืนหรือนั่งดูหรือกดโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา หรือ ในห้องประชุมก็จะพบว่าผู้เข้าร่วมประชุมต่างๆ มักจะอดไม่ได้ที่จะเช็คโทรศัพท์มือของตัวเองอยู่ตลอดเวลา หรือ แม้กระทั่งเดินๆ อยู่เราก็จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเกิดข้อสงสัยเหมือนกันนะครับว่าจริงๆ แล้วเจ้า Smartphone นั้นเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 หรือเป็นสิ่งเสพติดกันแน่?

ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะชิ้นใหม่ของเราหรือสิ่งเสพติด แต่ตัวเลขและพฤติกรรมต่างๆ ข้างต้นเป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้นะครับ และพฤติกรรมข้างต้นนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เป็น Gen Y เท่านั้น กลุ่มคนที่เป็น Baby Boomer และ Gen X จำนวนมากก็มีพฤติกรรมเสพติดมือถือเหมือนคน Gen Y 

จริงๆ สิ่งที่เราเสพติดนั้นไม่ใช่เจ้าตัวมือถือหรอกครับ แต่น่าจะเป็นความต้องการของเราที่จะเชื่อมต่อ (Connect) หรือรับรู้ข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา โทรศัพท์ Smartphone เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ทำให้เราได้เชื่อมต่อกับสังคมและโลกภายนอกเท่านั้นเองครับ ซึ่งกระแสของเรื่องการใช้มือถือจนกลายเป็นอวัยวะชิ้นหนึ่งของเราหรือเป็นสิ่งเสพติดนั้น ถือเป็นหนึ่งใน Mega-Trends ที่กำลังลามไปทั่วโลกครับ สำหรับผู้ที่ไม่เสพติดนั้นก็คงต้องทำใจเป็นสำคัญครับ สำหรับนักธุรกิจหรือคนทำงานในองค์กรก็คงต้องหาทางทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสในทางธุรกิจให้ได้นะครับ

สำหรับท่านที่เสพติดนั้น แนะให้ลองทำ Digital Detox บ้างนะครับ นั้นคือตัดขาดจากการเชื่อมต่อเหล่านี้เสียบ้าง อาจจะทำเป็นชั่วโมงหรืออาจจะทำเป็นวันเลย แล้วท่านอาจจะรู้สึกสดชื่นหรือเป็นคนใหม่เหมือนการทำ Detox นั่นแหละครับ

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

H.265 Codec มาตรฐานวิดีโอแบบใหม่สำหรับ Ultra HDTV 2013




H.265 Codec มาตรฐานวิดีโอแบบใหม่สำหรับ Ultra HDTV 2013 นี้
H.265 คือ มาตรฐานของวิดีโอความละเอียดสูงแบบใหม่ ที่จะออกมาเพื่อรองรับกับทีวีความละเอียดสูงมาก (Ultra HDTV) ที่จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดในปี 2013 โดยมาตรฐาน H.265 นี้จะเข้ามาแทนที่่ H.264 ในปัจจุบันซึ่งออกแบบมาสำหรับทีวีระบบ Full HD (1080p) หรือในความละเอียด 1920×1080 พิกเซลนั่นเอง
มาตรฐาน H.265 ใหม่นี้จะมีความสามารถสูงกว่าเดิมทั้งในด้านการรับส่งข้อมูลและการเล่นใน ระบบสตรีมมิ่งเมื่อเทียบกับ H.264 ตัวแทนจาก Motion Picture Experts Group (MPEG) และ ITU-T ซึ่งเป็นผู้พัฒนากล่าวว่ามาตรฐานใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมกว่า 67%
H.265 จะถูกพัฒนาให้สนับสนุนอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เด่นๆสุดก็คือจะมีความละเอียดสูงมากถึง 4320p เพื่อเล่นบน Ultra HDTV ซึ่งจะมีจำนวนพิกเซลเป็น 16 เท่าของ HDTV
คาดกันว่ามาตรฐาน H.265 นี้จะออกมาให้สัมผัสในต้นปี 2013 ครับ

ที่มา Neowin
ข้อมูลจาก :  DailyHitech.com